ถามดี - ตอบโดน กับ พี่โหน่ง a Day
การที่ใครสักคนจะเติบโตขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบทางความคิด หรือทางการกระทำของใครอีกหลาย ๆ คนได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องประกอบไปด้วยคุณสมบัติสำคัญประการใดบ้าง?
คำถามข้อนี้คือคำถามที่ท้าทายต่อทั้งผู้ถามและผู้ตอบ
เพราะความสำเร็จของแต่ละคนนั้นมีขนาดและระดับต่างกัน แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ วงศ์ทนงค์ ชัยณรงค์สิงห์ เขาเป็นคนที่ไม่ต้องลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับใครๆ ว่า ผมคือต้นแบบ
ทว่าสิ่งที่เขาได้คิด ได้ริเริ่ม ได้สร้างสรรค์ และต่อยอดนั้น คือสิ่งที่เป็นต้นแบบโดยสมบูรณ์ของตัวเอง
::::::::::::::::::
Q1 : ถ้ามีน้องคนหนึ่งลุกขึ้นมา และบอกว่า “ผมพร้อมที่จะเป็นไอดอล (คนต้นแบบ)” พี่โหน่งคิดว่า คุณสมบัติของคน ๆ นี้ จะต้องมีอะไรบ้าง?
A1 : ก่อนอื่น ผมว่า เป็นเรื่องดี ที่คนทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะคนยุคใหม่ จะมีคนที่ยึดถือว่าเป็นไอดอล ผมว่า ไอดอล คือ คนที่เค้าชื่นชม ในผลงาน ในวิถีชีวิต ในสิ่งที่เค้าทำ
ถ้าเรามีคนที่ยึดถือเป็นแนวทางสักคน มันจะทำให้ทางเดินของเราไม่สะเปะสะปะ มีแรงบันดาลใจ และมีแรงผลักดันที่ทำให้อยากเป็นให้ได้อย่างเขา
สำหรับคนที่อยากจะเป็นไอดอล ผมคงตอบแทนทุกคนไม่ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า
- คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง เค้าต้องเป็นคนที่ทุ่มเท มุ่งมั่น ในสิ่งเขาทำและสิ่งที่เขาเชื่อ
- คนที่เป็นไอดอลต้องประกอบด้วยคนที่มี Passion รุนแรง มีความมุ่งมั่นปรารถนาที่มหาศาล
- พยายามฝึกฝนตัวเอง พัฒนาตัวเอง หาความรู้ให้ตัวเอง และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ฝันทำให้เป็นจริงให้ได้
ฉะนั้น ก่อนที่จะประกาศตัวว่าเป็นไอดอล ผมว่าคุณควรจะผ่านขั้นตอนนี้ให้ได้ก่อน
::::::::::::::::::
Q2 : วิธีตั้งคำถามและตอบตัวเองอย่างที่พี่โหน่งใช้เพื่อค้นหาว่า "เราต้องการอะไร - เราอยากเป็นใคร - เรามุ่งหวังอะไร"
A2 : ผมว่า ก่อนที่เราจะตั้งคำถามกับตัวเอง และให้คำตอบกับตัวเองได้นั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่คนไทยขาด คือ ความชัดเจนในตัวเอง การเข้าอกเข้าใจในตัวเอง
ซึ่งเป็นภาวะของคนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัย ที่สับสนในชีวิตตัวเอง ไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน
เพราะฉะนั้น ผมแนะนำว่า ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ชัดเจน คุณต้องคุยกับตัวเองให้เคลียร์ก่อนนะครับว่า ความฝันความหวังในชีวิตคุณคืออะไร
รวมถึงกลับไปตรวจสอบตัวเองว่า ชีวิตคุณมีอะไรที่ถือว่าเป็นจุดแข็ง-จุดอ่อน หรือด้อยทักษะความสามารถในเรื่องอะไร
และใช้เวลาที่เหลือในการพัฒนาและปรับปรุงตัวเองให้เก่งขึ้นมาให้ได้
ผมคิดว่า การค้นหาตัวเองให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องยาก ผมว่าการค้นหาคนอื่นยากกว่าตั้งเยอะ (หัวเราะ)
ผมถึงแปลกใจเวลาเด็กรุ่นใหม่พูดว่า ค้นหาตัวเองไม่เจอ หรือไม่รู้ว่าชอบอะไร
ผมว่าสาเหตุสำคัญเพราะว่า ยุคสมัยนี้ คนส่วนใหญ่มัวแต่ใช้เวลาไปคอนเน็คกับคนอื่น ซึ่งโลกยุคนี้เป็นโลกของ Social network และ social media มีแต่การคอนเน็คกับคนอื่นเยอะแยะ
แต่คน ๆ หนึ่งที่เราลืม คือ คอนเน็คกับตัวเอง!
คำแนะนำแรกที่ผมมักจะบอกเด็ก ๆ เวลามาถามถึงวิธีค้นหาตัวเอง คือ
ลองหยุดคอนเน็คกับคนอื่น หรือเพลา ๆ ลงบ้าง แล้วหันมาคอนเน็คกับตัวเอง
พูดคุยกับตัวเอง ตรวจสอบความคิดความรู้สึก เป้าหมายในชีวิตลึก ๆ ของเรา ว่าเราอยากเป็น เราอยากทำอะไร เราอยากเห็นตัวเองอยู่ตรงไหนใน 10 ปี 20 ปี หรือว่าบั้นปลายชีวิต
ผมว่าเมื่อคุณได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เมื่อนั้น ง่ายเลย ทุกอย่าง
::::::::::::::::::
Q3 : การเคลื่อนไหวของพี่โหน่งนับจากปีนี้ ต่อไปอีก 5 ปี เป็นอย่างไร?
A3 : เป็นคำถามที่ดีครับ จริง ๆ แล้ว เริ่มต้นเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานหนังสือ งานโทรทัศน์ งานสื่อสารมวลชน หรือว่า งานส่วนตัว ผมไม่เคยมีความคิดว่า จะเป็นแบบอย่างให้ใครได้ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมรักมาก ๆ มีความเชื่อและศรัทธากับมัน
แต่วันหนึ่ง มีคนรู้สึกชื่นชอบในสิ่งที่ผมทำ รู้สึกว่าเป็นแบบอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้เค้าได้ ผมก็รู้สึกแฮปปี้มากเลยครับ และยอมรับว่า รู้สึกภูมิใจครับ
- สิ่งที่ผมเชื่อมากในชีวิตของผม คือ คุณค่าของคนที่เกิดมา - สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขาก็คือ การที่เขาสามารถสร้างสรรค์ให้กับคนอื่น ให้กับสังคมได้ ...ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำให้ตัวเขาเองประสบความสำเร็จ
- ผมไม่เชื่อเรื่องการประสบความสำเร็จโดยลำพัง ผมว่าการประสบผลสำเร็จ ที่น่าภาคภูมิใจ คือ การลงมือทำอะไรสักอย่าง และมันมีประโยชน์กับผู้คน กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ผมเชื่อมาก ๆ คือการ educate คน
- ผมว่าประเทศเรายังขาดการให้การศึกษาที่มากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้น พอมีโอกาสเมื่อไร ผมจะให้การ educate (ให้ความรู้) กับพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง "คุณค่าที่แท้จริงของชีวิต" ซึ่งมันไม่ใช่การประสบผลสำเร็จในด้านเงินทอง หรือชื่อเสียง แต่มันคือ การที่คุณได้พิสูจน์ว่า ชีวิตคุณมันมีคุณค่าสำหรับผู้คน สำหรับสังคมหรือเปล่า
::::::::::::::::::
Q4 : อีก 5 ปีต่อจากนี้ มีโครงการที่เป็นชิ้นเป็นอัน หรือเริ่มไว้แล้วและจะสานต่ออะไรบ้าง?
A4 : สิ่งสำคัญมาก ๆ อย่างหนึ่งสำหรับผม ซึ่งฝันไว้นาน และก็ได้ทำซะที คือ มูลนิธิ a day หรือ a day Foundation
ผมอยากทำงานเพื่อสังคมมานานแล้วครับ พอถึงวันหนึ่งที่ธุรกิจผมอยู่ได้สบาย ๆ พูดง่าย ๆ คือ หายห่วงแล้ว ผมก็พอมีเวลาที่จะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ
a day Foundation จะทำงานเกี่ยวกับ 3 เรื่อง คือ
- ปัญหาสังคม
- การศึกษา
- สิ่งแวดล้อม
เพราะฉะนั้น ผมว่า อันนี้น่าจะเป็นหมุดหมายที่สำคัญในชีวิตผม ที่ผมอยากจะทำให้มันมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืนครับ ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ผมจะทำก็ได้
ผมว่า คนทุกคนจะต้องตระหนักว่า ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม ทุกสิ่งทุกอย่าง ตัวเรามีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
เพราะฉะนั้น การยกภาระการแก้ปัญหาสังคมให้กับองค์กรหรือภาครัฐนั้น ผมว่าเป็นเรื่องที่อาจจะไม่เพียงพอ คนที่สามารถลุกขึ้นมาช่วยแก้ไขปัญหาสังคมได้ดีที่สุด ก็คือ พวกเราทุกคนครับ คนทุกคนที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม
ผมตั้ง a day foundation ขึ้นมา เพื่อตั้งใจให้เป็น volunteer agency คือเป็นเอเจนซี่ที่คิดงานโครงการเพื่อแก้ปัญหาสังคมขึ้นมา และพยายามที่จะชักชวนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ให้มาลองทำงานอาสาสมัครดู
ซึ่งที่ผ่านมา ผมก็ทำไปหลายโปรเจ็ค ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการแก้ปัญหาสังคม ตอนนี้มีโปรเจ็คในมือผมหลายโปรเจ็คมากจนทำไม่ทัน แต่ผมแฮปปี้มากเลย แล้วรอดูนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นจาก a day Foundation ต่อไป
::::::::::::::::::
Q5 : หนังสือเล่มที่อ่านค้างอยู่คือ...
A5 : หนังสือเรื่อง ความฝัน ความหวังและแรงบันดาลใจ 100 ทัศนะของผู้นำในโลกยุคใหม่ เป็นหนังสือที่รวบรวมชีวิตของคนที่ทำอะไรเพื่อผู้อื่นที่ด้อยกว่า
ชีวิตของคนที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคมเพื่อโลกเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมชื่นชมคนประเภทนี้มาก ซึ่งคนที่ผมชื่นชมมี 2 ประเภท คือ นักคิดสร้างสรรค์ กับคนที่เกิดมาเพื่อทำอุดมการณ์บางอย่างที่มิใช่เพื่อตนเอง
ซึ่งถือว่า เป็นยอดมนุษย์สำหรับผม
พอเราอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติชีวิตของคนที่มีอุดมการณ์บางอย่างในชีวิต คือเกิดมาเพื่อไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อคนอื่นแล้ว จะรู้สึกว่า เรามันด้อยมากและในทางกลับกัน รู้สึกอยากลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างก็ยังดี
::::::::::::::::::
Q6 : คนต้นแบบของพี่โหน่ง?
A6 : ผมชอบคนง่ายมากครับ ไอดอลผมมีเป็นร้อย ผมเป็นคนชื่นชมคนง่ายมาก ผมเกลียดคนยากมาก ไม่ค่อยเกลียดใคร
ใครทำอะไรดี ๆ ผมชอบหมดและไม่รีรอที่จะแสดงความชื่นชมให้กำลังใจไป
หลัก ๆ ก็เป็นคนใน 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มคนที่ทำงานความคิดสร้างสรรค์ พวกนักเขียน สถาปนิก นักทำหนัง ทำเพลง พวกนักออกแบบเจ๋ง ๆ ผมจะชื่นชมมาก
- กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้เสียสละ พวกเอ็นจีโอ พวกแอคทิวิสท์ต่าง ๆ ผมก็ชื่นชม
::::::::::::::::::
"เป็นคนอื่นเป็นได้ไม่นาน เป็นตัวเองเป็นได้ตลอดไป"
::::::::::::::::::
Credit : สัมภาษณ์ โดย ทีมงาน "true ปลูกปัญญา"
via Life 101
No comments:
Post a Comment